ในค่ำคืนที่ดนตรีกำลังพาร่างกายให้ขยับตามจังหวะ ลำแสงเริ่มตัดผ่านความมืด ม่านควันบางๆ ลอยคลอเคลียอยู่กลางอากาศ สลายตัวช้าๆ ระหว่างแสงไฟกับความรู้สึกของผู้ชม ภาพนั้นอาจดูธรรมดาสำหรับคนที่เคยผ่านเวทีมาไม่รู้กี่ครั้ง แต่มันคือ “องค์ประกอบสำคัญ” ที่ไม่เคยพูด แต่ทำงานอย่างเงียบงันอยู่เบื้องหลังทุกโชว์
สโมคไม่ใช่ของตกแต่ง มันไม่ใช่เครื่องประดับเวที
แต่มันคือสิ่งที่ทำให้ “แสงมีรูปร่าง” และอารมณ์ของเวทีมีน้ำหนัก
เพราะแสงที่ไม่มีอนุภาคให้สะท้อน คือแสงที่ไม่มีทางแสดงตัว
และเพราะบรรยากาศที่ไร้มิติทางสายตา ก็ยากจะส่งผ่านความรู้สึกใดให้ลึกไปกว่าการมอง
แต่ในคืนเดียวกันนั้นเอง… หากมีใครสักคนรู้สึกแสบคอ หายใจติดขัด หรือไอในระหว่างโชว์
สิ่งที่มักถูกมองก่อนเสมอ ไม่ใช่พัดลมหรือแอร์
แต่คือ “ควัน”
ควันกลายเป็นจำเลยโดยอัตโนมัติ เพราะมันเห็นได้ มันลอยอยู่ตรงหน้า และดูเหมือนเป็นสิ่งที่ถูกปล่อยออกมาอย่างตั้งใจ ข้อกล่าวหานั้นจึงเกิดขึ้นง่าย รวดเร็ว และหนักแน่น แม้กระทั่งในบางคืนที่มันอาจไม่ได้ทำอะไรเลย
ในพื้นที่อย่างผับ ร้านอาหารกลางคืน หรือเวทีขนาดเล็ก สภาพแวดล้อมมีผลกับการรับรู้มากกว่าที่เราคิด ระบบระบายอากาศในสถานที่แบบนี้มักไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับรองรับ “องค์ประกอบล่องลอย” จำนวนมากในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นที่สะสมอยู่ตามพรมและม่านที่ไม่เคยถูกซัก น้ำหอมที่ลอยตีกันในอากาศ กลิ่นปรุงอาหารจากครัวด้านหลัง หรือแม้กระทั่งไอน้ำที่ปล่อยออกจากบุหรี่ไฟฟ้าหลายร้อยพัฟในแต่ละคืน
ไอน้ำจากบุหรี่ไฟฟ้านั้นต่างจากควันของเครื่องสโมคตรงที่มันล่องตัวได้ละเอียดกว่า ลอยได้นานกว่า และไม่มีสีให้มองเห็น บางร้านที่เปิดตลอดทั้งคืนอาจพบคราบความชื้นเกาะตามกระจก ตามหน้าจอมอนิเตอร์ หรือแม้แต่ที่ปลายสายไฟและมิกเซอร์ แต่ไม่มีใครพูดถึงมัน เพราะมันไม่มีรูปร่าง ไม่มีจังหวะปรากฏตัว ไม่มีการ “ปล่อย” ให้เห็นตรงหน้า
แต่สโมคมีทุกอย่างที่กล่าวมา—มันเคลื่อนไหว มันมีแสงสะท้อน มันแสดงตัว และบางครั้ง… มันโชว์ตัวมากเกินไปในเวลาที่คนกำลังตั้งคำถาม
ยิ่งไปกว่านั้น บางสถานที่เลือกใช้น้ำยาสโมคที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือผสมเองเพื่อประหยัดต้นทุนโดยไม่เข้าใจองค์ประกอบทางเคมี บางสูตรใส่กลีเซอรีนในปริมาณสูงเกินไป บางชนิดใช้สารแต่งกลิ่นราคาถูกที่เผาไหม้แล้วมีกลิ่นเหม็นและระคายทางเดินหายใจได้ทันที ความตั้งใจดีอย่างเช่น “อยากให้แสงสวย” จึงกลายเป็น “ต้นเหตุของความไม่สบาย” ได้โดยไม่รู้ตัว
และนั่นยิ่งทำให้ความไม่ไว้ใจต่อควันทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีการแยกแยะระหว่างควันที่ใช้ดี กับควันที่ไม่เหมาะกับพื้นที่นั้น
เมื่อทุกอย่างพร่ามัว
คนจึงเลือกมองหาสิ่งที่ชัดที่สุดเพื่อตำหนิ
และสิ่งที่ “มีรูปร่าง” ก็กลายเป็นผู้รับคำตัดสินเสมอ
แท้จริงแล้ว สิ่งที่ทำให้ผู้คนหายใจลำบากในค่ำคืนนั้น อาจไม่ใช่ควันจากเครื่องเพียงอย่างเดียว แต่อาจเป็นความชื้นที่ไม่มีทางออก ฝุ่นที่ไม่มีใครทำความสะอาด กลิ่นที่สั่งสมทั้งคืน หรือแม้แต่ความเข้าใจที่ไม่เคยถูกทบทวน
สิ่งที่ลอยอยู่ในอากาศ ไม่ใช่แค่ควัน
แต่มันคือ "สภาวะร่วมกันของทุกสิ่งที่ไม่มีใครมองเห็น"
และเมื่อเราเลือกจะมองแค่สิ่งที่ชัด
เราก็อาจมองข้ามต้นเหตุจริงของปัญหาไปโดยสมบูรณ์
ในที่ที่ทุกอย่างพร่าเลือน
สิ่งที่มีรูปร่างชัดเจน… มักเป็นคนแรกที่ถูกชี้นิ้ว